ปกติจะเขียนลงเฟส แต่รอบนี้ท่าจะยาว เลยขอเขียนลง GitHub แล้วกัน
วิธีหนึ่งในการเขียนโปรแกรมที่ทำให้สะดวกขึ้นคือการมองทุกอย่างในโลกเป็นวัตถุ (Object-oriented programming) ซึ่งไม่ใช่วิธีเดียว ยังมีอีกหลายรูปแบบแต่ Java นั้นบังคับให้เราใช้แบบนี้
คลาสคือวัตถุ ปกติเค้าจะเปรียบเทียบกันกับรถ เช่น
- public class Car
- Class variables
- private int speed
- private String model
- Methods
- public void drive(int speed)
- public void getCurrentSpeed()
- Class variables
ทีนี้จะมากล่าวถึง visibility กัน อันนี้เคยมีใน slide ไปแล้ว ยกมาอีกทีแล้วกัน
- public คือ ทุก method สามารถเข้าใช้ได้หมด
- private คือ เฉพาะ method ในคลาสเดียวกันสามารถเข้าใช้ได้หมด
- protected คือ เฉพาะ method ในคลาสกลุ่มเท่านั้นที่ใช้ได้ (ต่างกับ
privateตรงที่คลาสย่อยก็เข้ามายุ่งไม่ได้ -- อันนี้ไว้ถึงเรื่อง Inheritance น่าจะเข้าใจมากขึ้น ตอนนี้เอาเป็นว่ามันเหมือนprivate)
ลองมาดูตัวอย่างกัน
public class Car{
public int speed;
}
public class CarPark{
public static void main(String[] args){
Car prius = new Car();
prius.speed = 50;
}
}(เวลารันจริง คลาสแต่ละตัวที่มีคำว่า `public` นำต้องอยู่ในไฟล์ชื่อ `ClassName.java` เอามากองๆ แบบนี้ไม่ได้)
เราจะพบว่าโค้ดนี้รันได้ ถ้าลอง System.out.println(prius.speed); จะได้ 50 จริง ทีนี้ถ้าลองเปลี่ยน speed เป็น private/protected จะ error เพราะอยู่คนละคลาสกัน
เหตุผลที่ต้องมี visiblity เพราะโค้ดไม่ได้เขียนคนเดียว เวลาทำโปรแกรมหลายคน คนอื่นอาจจะมาใช้คลาสของเรา ตรงไหนที่เราไม่อยากให้เขาใช้ก็ตั้ง private ไว้ ส่วน public นั้นไม่ควรจะเปลี่ยน method signature
ไม่มีข้อห้าม แต่ข้อแนะนำคือตัวแปรควรจะเป็น private ไว้ (รออ่านในหัวข้อ setter ว่าทำไม)
ตอนนี้เอาเป็นว่า
- method ใช้
public - ตัวแปรใช้
privateแล้วเขียนเมธอดมาคืนค่า
ทีนี้เราจะพบว่าเราเคยใช้ static มันคืออะไร
ตัวแปรชนิด static คือสิ่งที่แชร์ร่วมกันระหว่างคลาสชนิดเดียวกันทั้งหมด ถึงชื่อจะแปลว่าคงที่แต่ก็สามารถเปลี่ยนค่าได้ ตัวอย่างเช่น Car ที่อาจจะแชร์รวมกันได้คือ String[] laws (รถทุกคันมีกฎจราจรร่วมกัน เวลาออกกฎใหม่รถทุกคันก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎเดียวกัน) แต่จะบอกว่า String wheel แชร์รวมกันคงไม่ใช่ เพราะรถทุกคันมีล้อจริง แต่ไม่ได้แปลว่ารถเรากับรถเพื่อนใช้ยางเส้นเดียวกัน
เราพบว่าหลายคนเขียน local variable เป็น static class variable หมด อันนี้ไม่ควรทำ ลองนึกดูว่า ถ้ามีคลาสของเราทำงานพร้อมกันสัก 3 อัน ตัวแปรมันคงทับกันไปกันมา
เวลาคิดว่าจะใช้ static หรือไม่ หรือจะ local คือ
- สมมุติว่ามี class นี้อยู่หลายๆ อัน มันควรจะแชร์ค่านี้แน่ๆ มั้ย ถ้าใช่แน่ๆ เป็น static
- ตัวแปรนี้ใช้ในหลายเมธอดมั้ย ถ้าใช่เป็น class variable
- ถ้าไม่ใช่เลย เป็น local
เช่น ข้อ Student
int score,Student studเป็น local ในmainint totalScore,int countScore,String nameเป็น class variableScanner scanเป็น static
(อาจจะไม่เก็บตัวแปรตามนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าผิด เป็นแนวทางเฉยๆ)
ทำไมบางทีใส่ this บางทีไม่ต้อง?
ลองดูตัวอย่างนี้
public class Car{
private int speed = 0;
public Car(int speed){
this.speed = speed;
}
public int getSpeed(){
return speed;
}
public static void main(String[] args){
Car car = new Car(200);
System.out.println(car.getSpeed());
}
}ลองรันดู แล้วลองเอา this ออกดู
ผลของ this คือบังคับว่านี่จะกล่าวถึง class variable เท่านั้น ไม่อย่างนั้นถ้ามี local variable ชื่อซ้ำกันก็จะกล่าวถึงตัวแปร local นั้นแทน
ใน Java ไม่บังคับใส่ บางภาษา เช่น JavaScript, PHP, Python บังคับต้องใส่ this (หรือ self ใน Python) เสมอ ฉะนั้นแล้วเราขอแนะนำว่าควรใช้ this ให้เป็นนิสัย
เวลาสร้างคลาส จะมีเมธอดตัวหนึ่งที่กำหนดค่าเริ่มต้น หรือเตรียมงานของคลาส เรียกว่า Constructor
Constructor จะใช้รูป public ClassName() เสมอ (เหมือนเมธอด แต่ไม่มี type) และสามารถมี arguments ได้ตามต้องการ เช่น
public Car(){
}
public Car(int speed){
this.speed = speed;
}ในตัวอย่างนี้เรามี constructor ของคลาส Car 2 ตัว ใช้เหมือน method overloading
Car prius = new Car();เรียกตัวบนCar vios = new Car(30);เรียกตัวล่าง เพราะเราส่ง int เข้าไปในวงเล็บ
เวลาเรียก Constructor เรียกเหมือนเมธอดแต่ต้องมีคำว่า newนำหน้าเสมอ
ถ้า Constructor เปล่าๆ (เหมือน Car() ในตัวอย่าง) ไม่ต้องใส่ก็ได้ แต่ยังต้อง new เรียกเหมือนเดิม ตัวอย่างเช่น ถ้าเราลบ public Car() ในโค้ดข้างบนออกไปเลย เรายังต้องใช้ Car soluna = new Car(); อยู่ในการสร้าง object ใหม่
Getter คือตัวเรียกข้อมูล Setter คือตัวกำหนดค่าข้อมูล
ด้วยข้อจำกัดของ Java ที่ไม่มีระบบ Getter & Setter ในตัว เราเลยไม่ควรเรียกค่าตัวแปรจากตัวแปรตรงๆ (กลับไปดูโค้ดตัวอย่างในหัวข้อ Visibility แบบนั้นไม่ควรทำ) แต่ควรเขียนเมธอดที่คืนค่าตัวแปร (และตัวแปรจริงเป็น private) โดย
- Getter ตัวเรียกข้อมูล ใช้ชื่อ
getVariableName()(เปลี่ยนไปตามชื่อตัวแปรนั้นๆ) - Setter ตัวกำหนดข้อมูล ใช้ชื่อ
setVariableName(type val)
เหตุผลที่ควรเขียนคือ สมมุติโปรแกรมเรามีขนาดใหญ่มาก วันดีคืนดีเราจำเป็นจะต้องย้ายตัวแปรนี้ไปเก็บไว้ในฐานข้อมูล เราจึงไม่สามารถเรียกตัวแปรตรงๆ ได้แล้วแต่ต้องเรียกเมธอด ถ้าเราเขียน method ไว้แต่แรกแล้วเพียงแค่แก้ getVariableName() ให้ดึงจากฐานข้อมูล ที่เหลือในโปรแกรมก็ไม่ต้องแก้ ส่วนถ้าแก้จาก variable ธรรมดาๆ ทำแบบนี้ไม่ได้
หรืออาจจะเป็นการกระทำอื่นๆ ก็ได้ ในโปรแกรมเล็กๆ อาจจะได้ใช้ เช่น
- เรียงข้อมูลตอนเซฟ ตอนเรียกข้อมูลจะได้ไวๆ ไม่ต้องเรียงทุกครั้ง (โดยทั่วไปเรามักจะเรียกข้อมูลบ่อยกว่าเซฟ)
- มีการกระทำเพิ่มเติม เช่น เก็บว่าเปลี่ยนตัวแปรไหนไปบ้าง เก็บว่าแก้ไปแล้วกี่ครั้ง
- บังคับการใช้ เช่น ทีมปิงปองอาจจะมี
addScoreแทนที่จะมีsetScoreเพื่อบังคับว่าคะแนนเพิ่มแล้วห้ามลด
ในภาษาอื่นๆ เช่น C#, Python มีรูปแบบที่ทำให้เราเขียน method แบบนี้ได้ แต่ตอนเรียกใช้แค่กำหนดค่าไปในตัวแปรตรงๆ ได้เลย
- ตัวแปรใช้
privateนำ - เมธอดใช้
publicนำ - เขียนเมธอด
getVariableName()ให้ตัวแปรทุกตัว (หรือตัวที่จะใช้) - เขียนเมธอด
setVariableName(type val)ให้ตัวแปรที่จะมีการกำหนดค่า thisใช้เรียก class variable ถ้าไม่ใส่อาจหมายถึง local variable ถ้ามีชื่อซ้ำกันstaticใช้แชร์ตัวแปรระหว่างคลาสเดียวกันหลายๆ ตัว